เริ่มต้นเป็น 'เป็นเจ้าของกิจการ'
บันได 4 ขั้นสู่การเป็น 'เจ้าของกิจการ'
ความรักอิสระ ความฝันอยากเป็น "เจ้านายตัวเอง" หรือความต้องการที่จะทำงานที่ตัวเองรัก
แม้จะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการผลักดันให้คนจำนวนมากเดินออกจากระบบ เพื่อก้าวย่างสู่เส้นทาง " เจ้าของกิจการ" แต่เพียง
เงื่อนไขเหล่านั้น ไม่ใช่ช่วยให้ทุกคนเดินไปบนเส้นทางดังกล่าวอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จในวิถีทางใหม่
เมื่อคุณคิดจะเป็นเจ้าของกิจการ นอกจาก "แรงบันดาลใจ" คุณยังต้องการเงื่อนไขอื่นๆ อีกมาก
แต่ถ้าคุณยังไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน จากธุรกิจใด และด้วยวิธิการอย่างไร ขอแนะนำให้ใช้บันได 4 ขั้น เพื่อสร้าง
ความฝันของคุณให้เป็นจริง
บันไดขั้นแรกก็ คือ สำรวจตัวเอง ค้นหาความพร้อมทั้งจากความรู้ และประสบการณ์ที่ตัวคุณมี
บันไดขั้นสอง คือ ต้องค้นหาธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะธุรกิจ หรือรูปแบบธุรกิจ
บันไดขั้นสาม คือ การสร้างความชัดเจนให้กับธุรกิจที่คุณวาดภาพไว้
และท้ายที่สุด คือ เขียนออกมาเป็น "แผนธุรกิจ" พร้อมกับก้าวเดินไปตามนั้น
1.สำรวจตัวเอง ค้นหาความพร้อม
เมื่อคิดจะเป็นเจ้าของกิจการ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ค้นหาธุรกิจที่เราต้องการ ซึ่งหนึ่งในกระบวน
การค้นหาก็คือ การสำรวจตัวเอง ทั้งในแง่ความพร้อมที่จะเป็นเจ้าของกิจการ และความถนัด ความมีวินัย
ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงความมุ่งมั่น
นอกจากนั้นยังต้องประเมินความรู้ และความสามารถเฉพาะตัว เพราะการเป็นเจ้าของกิจการ
จำเป็นอยู่นั้นเองที่จะต้องมีความสามารถหลายๆ อย่างอยู่ในตัวคุณ เนื่องจากการเป็น "นาย" ตัวเอง ไม่ใช่
หมายถึง "อิสระ" เท่านั้น แต่หมายถึง ความรับผิดชอบที่คุณต้องมีกับงานหลายๆ อย่าง
ประการแรก คือ ต้องทำการตลาดให้เป็น ต้องจัดการกับการเงินได้ตั้งแต่การหาเงินทุน เริ่มลงมือ
ไปจนถึงบริหารเงินและการจัดซื้อ นอกจากนั้นยังต้องมีความสามารถในการทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะ
อาจจะต้องมีการจ้างพนักงาน จ้างผู้รับเหมา ติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาในงานที่ทำ สร้างความพึงพอใจให้แก่
ลูกค้า
นอกจากการสำรวจความพร้อมในการเป็นเจ้าของกิจการแล้ว ประการต่อมาก็คือ ต้องประเมินว่า
คุณมี "ประสบการณ์" อะไรบ้าง
ประสบการณ์ทางธุรกิจด้านใดก็ตามที่คุณมีอยู่ ล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น สำหรับการเริ่มทำธุรกิจ
ของตัวคุณเอง
ถามว่า คุณเคยบริหารกิจการมาก่อนหรือเปล่า ? ถ้าคุณเคยหรือมีประสบการณ์มากก็ยิ่งได้เปรียบ
แต่ถึงแม้คุณจะเป็นลูกจ้างมาตลอดชีวิต โดยไม่มีประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของกิจการเลย คุณก็ยังมีโอกาส
ประสบความสำเร็จ หากคุณใช้ความรู้ความสามารถที่มีอย่างเต็มที่ และขวนขวายหาประสบการณ์ทางอ้อม
จากที่ต่างๆ
หัวข้อที่สามที่ต้องสำรวจก็คือ ความพร้อมทางด้าน " การเงิน"
แม้ว่าคุณจะมีพร้อมทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ แต่ถ้าขาดกระเป๋าสตางค์ หนทาง
ก็ไม่เปิดกว้างให้คุณง่ายๆ เพราะปัจจัยทางการเงินถือว่ามีควมสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน
ธุรกิจบางอย่างใช้เงินทุนเริ่มแรกน้อยก็จริง แต่จะต้องมีเงินทุนหมุนเวียนหรือค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์
สูง ดังนั้นคุณต้องถามตัวเองพร้อมแค่ไหนในแง่ของเงินทุน
2. มองหาธุรกิจที่เหมาะสม
ภายหลังจากสำรวจตัวเองอย่างรอบคอบแล้ว และแน่ใจว่าถึงเวลาทึ่คุณจะก้าวออกจากการเป็น "ลูกจ้าง"
และเดินสุ่หนทางของ "เถ้าแก่" สิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับต่อไปก็คือ มองหาธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวคุณเองมากที่สุด
ทั้งในแง่เนื้อหา และรูปแบบของธุรกิจ
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่า จะเริ่มต้นด้วยการทำธุรกิจอะไรดี ขอแนะนำว่าคุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไร
แปลกใหม่ เลิศหรู แต่ควรจะนึกถึงสิ่งที่ใกล้ตัวที่คุณอาจจะมีทางเลือกสำหรับกิจการของตัวเองอยู่แล้ว โดยไม่รู้
ตัวก็เป็นได้
สมมติว่าคุณเคยทำงานอยู่ในแผนกบุคคล ต่อมาได้รับข้อเสนอให้เกษียณก่อนเวลาคุณก็อาจจะนำ
ประสบการณ์และบรรดากลเม็ดต่างๆ ที่คุณเคยใช้สมัยยังทำงานบุคคลมาเปิดกิจการของตัวเอง เช่น ตัวแทน
จัดหางาน หรือบริการหาพนักงานชั่วคราว
หลังจากได้ธุรกิจที่คุณต้องการจะทำแล้ว อีกหนึ่งคำถามก็จะตามมาก็คือ คุณจะทำธุรกิจในรูปแบบใด
จะเริ่มต้นด้วยการนับหนึ่งใหม่ โดยก่อร่างสร้างธุรกิจด้วยตัวเองทั้งหมด หรือว่าจะใช้วิธีลัด แต่ลงทุน
สูงขึ้นอีกหน่อย เช่นซื้อกิจการของคนอื่น หรือถ้าต้องการลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด โดยยอมลงทุนมากขึ้น
ธุรกิจแฟรนไชส์ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เป็น " คำตอบ " ของผู้ประกอบการหน้าใหม่จำนวนมาก
3. กำหนดแนวคิดธุรกิจให้แจ่มชัด
เมื่อได้ธุรกิจที่คุณต้องการจะลงแล้ว คุณต้องทำความเข้าใจในธุรกิจที่คุณอยากทำให้แจ่มชัด
เพราะหากคุณเพียงแต่คิดอยากจะทำแต่ขาดความรอบรู้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเบื้องต้นจนถึงรายละเอียด
แบบเบื้องลึก งานที่คุณคิดว่าจะง่าย มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
วิธีการให้ได้มาซึ่งความชัดเจนก็คือ คุณต้องสวมวิญญาณเป็นผู้สื่อข่าวแล้วตั้งคำถามเบสิกที่ขึ้นต้น
ด้วยตัวดับเบิลยู (W) 4 คำ คือ ขายอะไร (WHAT) ให้ใคร (WHO) เปิดกิจการที่ไหน (WHERE) ขายเมื่อไร(WHEN) เพื่อให้ตัวเองตอบ
ยิ่งคุณหาคำตอบให้ตัวเองได้ชัดเจนแค่ไหน คุณยิ่งเริ่มต้นได้ดีเท่านั้น และเมื่อใดที่คุณสามารถสรุปแนวคิดทางธุรกิจของคุณ
ได้เพิ่มขึ้น คุณก็ยิ่งมีหนทางที่จะเริ่มต้นได้เร็วยิ่งขึ้น
โปรดจำไว้ว่าแนวความคิดทางธุรกิจต้องเป็นสิ่งที่ทำได้จริง ต้องคาดหวังผลกำไรได้จริง แม้ว่าจะไม่ได้ในทันทีทันใด
แต่อย่างน้อยก็น่าจะเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้
ประเด็นที่คุณต้องตอบให้ได้อย่างไม่มีข้อผ่อนผันก็คือ ใครคือ "ลูกค้า"
คุณอาจคิดว่าแนวความคิดของคุณเยี่ยมยอดที่สุดแล้ว อย่างเพิ่งซื้อความคิดของตัวเอง คุณต้องสำรวจตลาดเพื่อประเมิน
ความต้องการที่แท้จริง
ทดลองวาดภาพดูว่าถ้าคุณเปิดธุรกิจจัดดอกไม้ ใครจะเป็นลูกค้าของคุณบ้าง อายุ เพศ และรายได้เป็นอย่างไร
นอกจากนั้นยังต้องพยายามคาดการณ์ตลาดให้ถูกต้อง ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่ามีปัจจัยพิเศษอะไรบ้าง ที่มีผลต่อ
ความต้องการของตลาด คุณอาจจะขายสินค้าที่เป็นแฟชั่น แต่ต้องไม่ลืมว่าแฟชั่นนั้นหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
การวางแนวคิดของธุรกิจให้แจ่มชัด ยังรวมไปถึงเป้าหมายทางการตลาด การวางตำแหน่งของตัวเองในตลาด
ระดับราคา
เมื่อความคิดของคุณแจ่มชัดเต็มที่แล้ว วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้แนวคิดที่คุณมีอยู่ให้เป็นระบบก็คือ คุณต้องเขียน
มันออกมา ซึ่งหมายถึงการเขียนแผนธุรกิจ
4. เขียน " แผนธุรกิจ "
เมื่อได้ความชัดเจนในธุรกิจที่คิดจะทำแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ จะต้องนำความคิดเหล่านั้นร่างออกมาบนกระดาษ
เพื่อจัดทำแผนธุรกิจ หรือ Business Plan ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นไม่น้อยในการเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการ
ทั้งนี้เพราะแผนธุรกิจจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าธุรกิจของเราเป็นอย่างไร และจะเดินไปในเส้นทางไหนในอนาคต
หลายๆ คนเริ่มทำธุรกิจแบบไม่จริงจัง ซึ่งนับเป็นความผิดพลาดเพราะในเมื่อตัวคุณเองยังไม่คิดทำจริงๆ จังๆ
แล้วจะไปหวังให้คนอื่นสนใจธุรกิจของคุณจริงจังได้อย่างไร ดังนั้นการเขียนแผนธุรกิจ นับเป็นการแสดงถึงความตั้งใจ
จริงของตัวคุณเอง
เมื่อคิดจะสร้างธุรกิจใหม่ แผนธุรกิจจะเปรียบเสมือนเข็มทิศที่บอกว่าเราจะเดินไปทิศทางใด นอกจากนั้น
ยังบอกขั้นตอน ระยะเวลาต่างๆ ที่คาดว่าจะไปสู่เป้าหมาย
ความสำคัญของการจัดทำแผนธุรกิจมีอยู่มาก ตั้งแต่การเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดหาแหล่งเงินทุน
เพราะถ้าคุณจำเป็นต้องใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน คุณก็จำเป็นต้องมีแผนธุรกิจ เนื่องจากแผนธุรกิจจะบอกกับคนอื่นๆ
ว่า รูปร่างกิจการของคุณเป็นอย่างไร ใช้เงินทุนเท่าใด และมีแผนการใช้เงินอย่างไร
โดยทั่วไป แผนธุรกิจจะประกอบด้วย วัตถุประสงค์ในการจัดทำ "รายละเอียดกิจการ" จากนั้นก็อธิบาย
ถึง " รายละเอียดสินค้า" จากนั้นก็อธิบายย่อๆ ว่ากิจการนี้จัดตั้งขึ้นใหม่ หรือ ซื้อกิจการต่อมา เป็นแฟรนไชส์หรือ
กิจการสำเร็จรูป หรือขายตรง พร้อมทั้งอธิบายถึง "รายละเอียดสินค้าและบริการ" ไปด้วย เพราะหัวใจของกิจการ
ก็คือ ตัวสินค้าหรือบริการของคุณนั่นเอง
หัวข้อถัดมาที่ต้องบรรจุไว้ในแผนธุรกิจ ก็คือ "แผนการตลาด" "แผนการดำเนินกิจการ" "ข้อมูลด้านการเงิน"
และท้ายที่สุดแต่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ "งบการเงิน" (ยังมีต่อ)
...............จากน.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ